ภาครับเหมาก่อสร้างภาคราชการในปี 2553 ถือว่าไม่ดีนัก เหตุก็เพราะมีงานก่อสร้างใหม่ออกมาน้อยมีมูลค่าราว 1.7 แสนล้านบาท และเหมือนจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อได้งบไทยเข้มแข็งเกือบ 2 แสนล้านบาทจากรัฐบาลออกมาช่วยกระตุ้น แต่เมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่กระทบกว่า 40 จังหวัด ทั่วประเทศ จึงต้องมีการตัดงบไทยเข้มแข็งออกไป เพื่อนำมาช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นอันดับแรกก่อน
งานเพียบ งบน้ำท่วมตัวเร่งงาน
แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะส่งผลให้เกิดความเสียหายไปทั่วประเทศ โดยมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 10 ล้านคน แต่หลังจากน้ำลดแล้ว แน่นอนรัฐบาลต้องมีงบก่อสร้างสถานที่ราชการที่เสียหาย ซึ่งกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างย่อมได้อานิสงส์ ซึ่งทั้งงานประมูลรัฐและเอกชนช่วงรอยต่อปลายปี 53-ต้นปี 54 มูลค่างานรวมกันจะไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท ซึ่งนับจากนี้ไปถึงต้นปี 54 วงการธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง วัสุดก่อสร้าง งานระบบ บรรยากาศจะคึกคักไม่น้อย
พลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่าในปี 54 จะมีโครงการประมูลมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งงานขนาดเล็ก กลางและใหญ่ มูลค่ารวม8 แสนล้านบาท เป็นงานรัฐ 2.6 แสนล้านบาท และเอกชน 5 แสนล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมางานประมูลรวมกว่า 5 แสนล้านบาท เป็นงานภาครัฐ 1.7 แสนล้านบาท และงานเอกชนประมาณ 4 แสนล้านบาท
“เวลานี้บรรยากาศประมูลงานคึกคักขึ้น หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมางานไม่ค่อยมี เห็นได้ชัดหลังจากผลักดันงานออกมานับตั้งแต่รถไฟฟ้าสีม่วง สีน้ำเงิน สายสีเขียวที่จะเปิดต้นปีหน้าอีก ส่งผลให้ตลาดรับเหมาก่อสร้างปีหน้าจะแข่งขันสูงสำหรับงานขนาดกลางและเล็ก การจ้างงาน และธุรกิจวัสดุก่อสร้าง” พลพัฒกล่าว
รายใหญ่งานในมือเพียบ
จากงานที่ภาครัฐเริ่มดำเนินโครงการเมกะโปรเจ็คต์อย่างจริงจังและเห็นเป็นรูปธรรม วัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น กล่าวว่างานรับเหมาเมื่อปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ไม่ดีของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ในแง่ของการรับรู้รายได้ หลายโครงการต้องชะลอออกไปเพราะความไม่สงบทางการเมือง แต่ก็ถือเป็นปีที่ดีของการประมูลงาน และเป็นปีที่บริษัทสามารถทำการประมูลงานได้สูงสุดในรอบ 48 ปี มียอดแบ็กล็อคหรืองานที่ประมูลได้แล้วรวม 3.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 75% ที่เหลือ 25% เป็นงานภาคเอกชน ซึ่งมูลค่างานดังกล่าวจะรับรู้ได้อีก 3 ปีข้างหน้า ในงานดังกล่าวเป็นงานที่รอเซ็นสัญญามูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท
“ปี 54 มั่นใจว่าจะเป็นปีทองของอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพราะจะมีงานภาครัฐออกมาจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ รวมทั้งงานภาคเอกชน ซึ่งไม่เฉพาะเราเท่านั้นที่ได้ รายอื่นก็ได้เยอะเหมือนกัน แต่งานที่ประมูลได้จะล่าช้าตรงที่รอเซ็นสัญญากับหน่วยงานราชการ” วัลลภ กล่าว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นกังวลคือคือจะมีปัญหาขาดแคลนแรงงานในปี 54 ซึ่งจะอยู่ที่ว่าใครเตรียมรับมือ ซึ่งในส่วนของบริษัทได้เตรียมการเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของวิศวกรและแรงงานระดับล่างได้ได้เร่งจัดหาไว้แล้ว
ปัญหาฟันราคาแย่งงานสูงตาม
กฤษดา จันทร์จำรัสแสง เลขาธิการ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความเห็นว่าในปี54 ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภาครัฐ ยังต้องเผชิญกับปัญหาเดิมๆ คือแข่งกันฟันราคากลางเพื่อให้ ตนสามารถรับงานก่อสร้างได้ โดยไม่รู้ว่าเมื่อประมูลรับงานได้แล้ว จะสามารถก่อสร้างโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จหรือไม่ เพราะต้องการให้มีงานเข้ามาในมือ ซึ่งราคาประมูลที่บรรดาผู้รับเหมาแข่งขันกันนั้นจะต่ำกว่าราคากลาง 15-25 %
“งานก่อสร้างภาครัฐส่วนใหญ่ตั้งราคากลาง ที่ไม่สะท้อนต้นทุนการก่อสร้างที่แท้จริง ขณะที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเองอยากจะได้งานก่อสร้างนั้นมา ก็ต้องประมูลให้ต่ำ แต่หากงานที่ได้นั้นต่ำกว่าราคากลาง 15% ผู้ที่ได้งานก็ต้องถูกตรวจสอบโดย สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ซึ่งการฟันราคากลางเพื่อรับงานนั้นยังเป็นปัญหาที่เห็นได้ในปี 53 และในปี 54 ” กฤษดากล่าว
ลิซ่า งามตระกูลพานิช เหรัญญิก สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มองว่าปัญหาในธุรกิจรับเหมาภาครัฐคือการแข่งขันกันฟันราคา ขณะที่ราคากลางงานก็ต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากร่างทีโออาร์ของงานนั้นกำหนดเงื่อนไขผิดระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งที่ทางสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้าง เร่งผลักดันให้เกิดการแก้ไข ขณะเดียวกันทางสมาคมฯยังอยู่ระหว่างการผลักดันให้มีการจัดตั้ง
สถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีทั้งหน่วยงานจากภาครัฐ และตัวแทนจากภาคเอกชนเข้ามาร่วม เพื่อเป็นตัวกลางในการแก้ปัญหาอุตสาหกรรมก่อสร้าง จากเดิมที่มีเพียงสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ โดยหน่วยงานใหม่นี้ เชื่อว่าจะสามารถจัดตั้งได้ในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นก่อนที่จะผลักดัน ให้เกิดสภาการก่อสร้าง ตามมา
วิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ มองว่า รับเหมาก่อสร้างเอกชนยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยประเภท คอนโดมิเนียม แต่คาดว่า จะเริ่มเห็นน้อยลงในไตรมาส 3 ของปีหน้า เนื่องจากการชะลอเปิดโครงการใหม่ เพราะผลจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งสัญญาณว่าเกิดปัญหาฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาฯในตลาดคอนโดมิเนียม ที่ให้ผู้ซื้อจะต้องวางเงินดาวน์เพิ่มขึ้น
“เราเป็นบริษัทฯรับเหมา ที่ถนัดงานงานก่อสร้างภาคเอกชน โดยเชื่อว่างานก่อสร้างคอนโดในปี54 ช่วงต้นปียังไปได้ แต่ในช่วงไตรมาส 3 ของปีหน้านั้น จะต้องปรับตัว เพื่อหันไปรับงานก่อสร้างประเภทโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่าในไตรมาส 3 ธุรกิจอาหารและธุรกิจโรงงานที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมกระดาษจะเริ่มฟื้นตัว” วิโรจน์กล่าว
ปี 54 ถือเป็นเวลาทองของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หลังจากเงียบเหงามานาน ที่จะได้เวลาลืมตาอ้าปากกันเสียที